ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์เกาหลีที่น่าจับตาสุด ๆ สำหรับภาพยนตร์ดราม่า-ทริลเลอร์ “Hopeless คน/จน/ตรอก” ผลงานการกำกับของผู้กำกับเลือดใหม่ “คิมชางฮุน” ที่เล่าถึงเรื่องราวสุดเข้มข้นของชายหนุ่ม 2 คนที่ต้องเข้ามาพัวพันท่ามกลางสถานการณ์สุดอันตราย คนหนึ่งอยากหนีจากนรก อีกคนเลือกที่จะเผาเมืองนี้ให้เป็นจุณ เมื่อ “ยอนกยู” เด็กหนุ่มที่อยากหนีออกจากเมืองอันแสนป่าเถื่อนเพื่อไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับแม่ของเขา แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ให้เข้าไปพัวพันกับ “ชีกอน” อาชญากรเจ้าถิ่นสุดโหดที่พาเขาเข้าสู่โลกของอาชญากรรมจนยากเกินจะถอนตัว
นอกจากเรื่องราวของภาพยนตร์ที่ชวนลุ้นระทึกแล้ว กระแสตอบรับจากนักวิจารณ์ก็ถือว่าเดือดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ฝีมือไม่ธรรมดา “ฮงซาบิน” ที่ได้มอบการแสดงอันยอดเยี่ยมจนประทับใจผู้ชมประกบคู่นักแสดงหนุ่มมากความสามารถอย่าง “ซงจุงกิ” อีกทั้งยังได้ศิลปินสาวสุดฮอต คิมฮยองซอ-BIBI มาร่วมแท็กทีมสร้างความเดือดในครั้งนี้อีกด้วย
“ดาราหน้าใหม่ ฮงซาบิน มอบการแสดงที่เข้มข้นเกินวัย ซงจุงกิ ลบภาพพระเอกหน้าหวานไปปลิดทิ้ง คิมฮยองซอ (BIBI) มอบการแสดงอันน่าจดจำไว้ในเรื่องนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเธอเก่งรอบด้านจริงๆ” – ชเวมินจี, Kyunghyang Shinmun
“การแสดงของฮงซาบินทำฉันอึ้ง เขาเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง ฝีมือการแสดงของเขาเป็นเอกลักษณ์ ครั้งแรกที่ฉันได้เจอเขา เขาเหมือนพี่ชายข้างบ้าน แต่พอทำงานจริงนี่คนละเรื่อง ทันทีที่แอ็กชันเขาสามารถมอบแววตาที่เต็มไปด้วยบาดแผล ฉันอ้าปากค้างเลย – คิมฮยองซอ-BIBI
“ฮงซาบิน” ถือเป็นนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงที่เคยฝากฝีมือไว้ในหนังสั้นอย่าง Vacation (2017) และ Save Me (2019) รวมถึงยังได้ร่วมแสดงในซีรีส์ The School Nurse Files (2020), Duty After School (2023) และในภาพยนตร์ Tune In for Love (2019), Nobody’s Lover (2022) รวมถึงได้ถ่ายแบบให้กับนิตยสารชื่อดังมากมายและล่าสุดกับ Marie Claire Korea ที่เผยลุคสุดคูลออกมาตอกย้ำความดิบของบทบาทที่ได้รับ สำหรับผลงานล่าสุดอย่าง Hopeless จะเป็นเวทีให้เขาโชว์ของเต็มที่ผ่านบท “ยอนกยู” หนุ่มวัย 17 ผู้ไร้ที่พึ่งใด ๆ และอยากหนีความจริงอันโหดร้ายนี้ซึ่งฮงซาบินถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้ไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นสายตาที่ดูหวาดกลัว หรือความทะเยอทะยานพร้อมจะเหยียบหัวคนอื่นเพื่อเอาตัวรอด เขาถ่ายทอดตัวละครที่มีความซับซ้อนได้อย่างไม่ธรรมดา
ฮงซาบินกล่าวถึงการถ่ายทำในครั้งนี้ว่า “ไม่มีวันไหนที่ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ ทุกคนตั้งใจทำงานเกินร้อย พอผมคิดไปถึงตอนนั้นผมรู้สึกเป็นหนี้พี่จุงกิมากจนน้ำตาจะไหลอีกแล้ว การร้องไห้นี่เป็นพรสวรรค์ของผมเลยนะ สิ่งที่ผมเรียนรู้จากรุ่นพี่ คือทุกซีนล้วนมีความหมาย จะไม่มีซีนไหนที่เขาปล่อยผ่านไปเฉยๆ โดยไม่พยายาม เขาปฏิบัติกับหน้าใหม่อย่างผมเท่าเทียมกับคนอื่น เหมือนเป็นนักแสดงมืออาชีพด้วยกัน เขามาซ้อมบทกับผมทุกครั้ง เขาช่วยผมทำอารมณ์ก่อนเข้าซีน ถ้าผมเจอคนเก่งๆ และมีน้ำใจแบบเขาสมัยเริ่มเข้าวงการ ผมคงจะเป็นนักแสดงที่เก่งกว่านี้”
สกู๊ปพิเศษ:
ตัวอย่างภาพยนตร์: