วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกNewsซีอีโอ Blue Horizon Thailand บริษัทลงทุนอสังหาฯยักษ์ใหญ่ในภูเก็ต เผย 5 เหตุผลน่าสนใจ “ลงทุนอสังหาฯ ดีกว่าการซื้อหุ้น”

ซีอีโอ Blue Horizon Thailand บริษัทลงทุนอสังหาฯยักษ์ใหญ่ในภูเก็ต เผย 5 เหตุผลน่าสนใจ “ลงทุนอสังหาฯ ดีกว่าการซื้อหุ้น”

ประเทศไทย – เป็นเวลากว่าสิบปีอสังหาริมทรัพย์หรือหุ้นนับได้ว่าเป็นวิธีที่ใช้กันมากในการสร้างความมั่งคั่งกันอย่างแพร่หลาย แต่นี่เป็นข้อโต้แย้งระดับล้านดอลลาร์ว่าระหว่างอสังหาริมทรัพย์กับหุ้นว่า สิ่งไหนให้ผลกำไรหรือตอบแทนดีกว่ากัน ? ซึ่งการเลือกระหว่างสองอย่างนั้น อาจไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ว่าสิ่งไหนนั้นดีที่สุด ซึ่งสำหรับ นายอันเดรส พิร่า ซีอีโอของบลูฮอไรซอน ประเทศไทย ที่คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 15 ปี และมีบริษัทที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของเขาถึง 19 บริษัท ได้กล่าวถึงความจริงที่ว่า “ทำไมอสังหาริมทรัพย์ถึงทำให้เขากลายมาเป็นมหาเศรษฐี ไม่ใช่หุ้น”
 
อันเดรส พิร่า เปิดเผยว่า “ผมได้เลือกประเทศไทยที่เป็นสวรรค์อาหารและแห่งธรรมชาติ รวมถึงมีทะเลที่สวยงามอย่างจังหวัดภูเก็ต เพื่อใช้ในการพำนักและลงทุน ผมพูดได้อย่างเต็มปากว่าผมผูกพันและรักประเทศไทยสมือนบ้านเกิดเมืองนอนของผม เพราะนอกจากจะเป็นประเทศที่ทำให้กลายมาเป็นคนจรจัดแล้ว ยังเป็นประเทศที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงในจ.ภูเก็ต Blue Horizon Thailand ที่มีโครงการที่ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ Grand Himalai & Himalai Oceanfront, Beach Front, Skylight Villas, Signature Villas และอีกมากมาย”
 
นาย อันเดรส กล่าวอีกว่า “ผมเริ่มจากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ผลตอบแทนสูง เช่น รายได้จากค่าเช่า ภาษี และการเพิ่มทุนที่ได้จากการซื้อต่ำกว่ามูลค่าตลาด  อย่างไรก็ตามการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น อาจจะไม่ใช่สำหรับทุกคน ซึ่งมันต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ที่จะลงทุนอย่างรอบรู้และมั่นใจ อีกทั้งต้องใช้ความขยันหมั่นเพียร และความพยายามในการหาข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมและเหมาะสม แม้ว่าจะมีข้อบังคับ ระเบียบ วินัยในเรื่องของการเงิน เพื่อที่จะประหยัดและเก็บเงินให้มากพอที่ก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่าและเป็นที่นิยม แต่สำหรับผมไม่ได้คิดอย่างนั้น และผมมี 5 เหตุผลว่าทำไมการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ถึงได้ผลกว่าการซื้อหุ้น”
 
1. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถจัดหากระแสเงินสด และป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้ คุณเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่ว่า “Cash is king” ไม่ว่าหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ การลงทุนของคุณนั้นควรจะจ่ายเงินให้คุณ เพื่อที่คุณจะสามารถลงทุนหรืออดออมสำหรับการเกษียณอายุก่อนกำหนดได้ และการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น สามารถเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มาของธุรกิจ หรือรูปแบบอื่นของการคืนเงินสดโดยนักพัฒนา ซึ่งแน่นอนว่า การซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ถูกต้องเป็นอีกหนึ่งกุญแจที่สำคัญ และข้อดีเกี่ยวกับรายได้ค่าเช่านั้นคือกระแสเงินสดของคุณสามารถก้าวทันกับอัตราเงินเฟ้อและ ราคาทรัพย์สินในตลาดสำหรับการให้เช่านั้นสามารถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยอัตโนมัติ เนื่องจากค่าครองชีพเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้คุณยังสามารถจัดรายการเงินสดได้โดยการซื้อทรัพย์สินที่ “เดือดร้อน” หรือ ทรัพย์สินที่รอการขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าในตลาด ซึ่งคุณสามารถตกแต่งเพิ่มเติม และขายต่อเพื่อให้ได้กำไรมากกว่าสิ่งที่คุณได้ลงทุนไป เพราะ ราคาซื้อ ค่าตกแต่งซ่อมแซม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม ต่างๆ คุณสามารถเลือก ‘ตกแต่งและพลิก’ เพื่อรวบรวมเงินที่ ได้มาอย่างไม่คาดฝันโดยการครอบครองไว้และปล่อยเช่า เพื่อให้ได้กระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้งสองวิธีนี้การลงทุนในอสังหาริมทรัยพ์สามารถให้เงินสดและป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้
2. อสังหาริมทรัพย์คือตลาดที่คุณสามารถซื้อในราคาที่ต่ำ และขายได้ในราคาที่สูงขึ้น
การหาเงินในตลาดหุ้นนั้นคือการซื้อในราคาต่ำและขายตอนราคาที่สูงขึ้น แต่แทบเป็นไปไม่ได้เลย ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ จะสามารถทำเช่นนั้นอย่างสม่ำเสมอได้ คุณมิอาจสามารถรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัทในแต่ละภาคการจัดการ และคู่แข่งต่างๆ รวมถึงผู้ซื้อที่เป็นสถาบันส่วนใหญ่มักจะมีอำนาจมาก และสามารถรู้ข้อมูลได้มากกว่านักลงทุนทั่วไปซึ่งถือได้ว่าตรงกันข้ามกับอสังหาริมทรัพย์ที่คุณจะจัดการกับทรัพย์สินของแต่ละบุคคลที่จะแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ สถานที่ตั้ง ขนาด คุณลักษณะ และราคา
ในส่วนของตลาดหุ้นนั้น ความผิดปกติที่เกิดขึ้นจะถูกปรับโดยนักลงทุนรายอื่นอย่างรวดเร็ว แต่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะมีตลาดเล็กๆ นับพันแห่ง ที่คุณสามารถหาข้อเสนอและสามารถซื้อได้ในราคาที่ “ถูก” ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีกลยุทธ์มากมาย ที่คุณสามารถซื้อได้ในราคาที่ต่ำและขายในราคาที่สูงเมื่อคุณได้ทรัพย์สินหรืออสังหาริมทรัพย์ในสภาพเดิม และมีเพียงไม่กี่ที่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่คุณสามารถ “ขายในราคาที่สูง” ถ้าคุณรู้จักประเภทของอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ และวิเคราะห์ความต้องการของตลาดได้ถูกต้อง
3. การจัดการอสังหาริมทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น และความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น
มูลค่าหุ้นในตลาดนั้นค่อนข้างเพิ่มขึ้นและลดลงอยู่ตลอดเวลา บริษัทวิจัยได้มีการวัดผลกระทบของ นักลงทุนในช่วงระยะ เวลาทั้งสั้นและยาวตั้งแต่ต้นปี 1990 ซึ่งพวกเขาแสดงให้เห็นว่าโดยเฉลี่ยแล้ว นักลงทุนทั่วไปไม่ได้เก่งในการควบคุมผลตอบแทน ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ อีกทั้งมีประสิทธิภาพที่น้อยกว่านักลงทุนรายย่อยมักจะซื้อและขายในเวลาที่ไม่ถูกต้องซึ่งทำให้โอกาสในการได้รับผลกำไรนั้นยากที่จะต่อรอง
ในทางกลับกันอสังหาริมทรัพย์คือการซื้อ-ขาย ปราศจากการใช้อารมณ์ เป็นเงินลงทุนที่มีสภาพคล่องน้อยกว่า ฉะนั้นการรีบ ตื่นตระหนกในการขายนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งคุณจะเข้าในความจริงมากขึ้นเมื่อคุณเริ่มซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว ทรัพย์สินในอสังหาริมทรัพย์นั้นทำให้คุณมั่นใจว่าคุณจะสามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ ผ่านช่วงเวลาที่ไม่มั่นคง ขณะที่ค่าเช่าและราคาทรัพย์สินปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งโดยทั่วไปความเสี่ยงของการขาดทุนจะลดลง ถ้าคุณลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์นานขึ้น หุ้นของคุณและราคาบ้านจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา
4. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถให้ข้อดีด้านภาษี
ค่าเสื่อมราคาถือได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบทางภาษีที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนหลายคน และสิ่งที่นักลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ชื่นชอบคือความจริงที่ว่า คุณกำลังลดค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน แต่ขณะเดียวกันคุณไม่ได้ สูญเสียมูลค่าของทรัพย์สินนั้นมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นมูลค่าทรัพย์สินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ซึ่งคุณสามารถได้รับเครดิตภาษีสำหรับต้นทุนของสินทรัพย์ที่อาจเพิ่มมูลค่าอีกด้วย
 
นอกจากนั้นค่าเสื่อมราคาคือเครดิตภาษีที่ช่วยในส่วนของค่าบำรุงรักษาทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่คุณสามารถใช้จ่ายไปจากรายได้ค่าเช่าที่คุณได้รับ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถจ่ายภาษีได้ถูกลง และช่วยลดหนี้สินภาษีของคุณ ซึ่งหมายความว่า คุณจะมีเงินจำนวนมากขึ้นเพื่อใช้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ จ่ายคืนเงินกู้ธนาคาร จ่ายค่าบำรุงรักษาหรือสิ่งอื่นที่คุณต้องการใช้จ่าย และนี่คือข้อได้เปรียบด้านภาษีจากการเช่า ที่จะสามารถช่วยคุณประหยัดได้หลายหมื่นบาทต่อปี
5. เลเวอเรจ (leverage) ถ้าใช้เป็นสามารถสร้างกำไรมหาศา
เลเวอเรจถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก ใช้ในการสร้างพอร์ตในการลงทุนด้าน อสังหาริมทรัพย์ และการได้รับการจำนองหรือยืมเงิน เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ สามารถช่วยให้คุณใช้ประโยชน์ ในการลงทุนในทรัพย์สินอื่นๆได้มากขึ้น รวมถึงกระจายความเสี่ยงในทรัพย์สินประเภทต่างๆ
แน่นอนว่าคุณจำเป็นต้องประเมินกลยุทธ์ แผนการ ข้อตกลงเฉพาะ เงื่อนไขการกู้ยืม และการชำระเงินสด แต่การ overleveraged นั้นจะช่วยเพิ่มความเสี่ยงของคุณเป็นอย่างมาก เลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่ต้องได้รับการจัดการ และการตรวจสอบอย่างรอบครอบ อสังหาริมทรัพย์นั้นๆอาจทำให้เกิดความเสี่ยงกับการใช้ประโยชน์สูงสุด อย่างไรก็ตาม การจ่ายค่าอสังหาริมทรัพย์เต็มราคานั้นจะถือได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบ
“จากเหตุผลที่วิเคราะห์มาทั้งหมด ผมได้พบว่า อสังหาริมทรัพย์สามารถให้ข้อได้เปรียบมากกว่าตลาดหุ้นคุณสามารถได้ผลตอบแทน มากกว่า 10% ต่อปี จากรายได้ค่าเช่าการลงทุนสามารถทำให้กระแสเงินสดของคุณหมุนอย่างสม่ำเสมอและมั่นคง และยังรวมถึงที่อยู่อาศัยหรือรีสอร์ตที่มีมูลค่าแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ อีกทั้งยังช่วยเรื่องการแข็งค่าของเงินทุน” อันเดรส กล่าว
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสรุปว่า “ผมอยากจะเน้นย้ำว่า ไม่ใช่เเค่คุณออกไปข้างนอก และสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เลย ในฐานะนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ คุณจำเป็นต้องซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณจำเป็นต้องใช้เวลาและใช้ความพยายามในการหาข้อตกลงและทำการนั้นอย่างรอบครอบ อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือคุณควรศึกษาประวัติความเป็นมาของผู้สร้างเช่นกัน”
“แน่นอนผมส่งข้อเสนอไปมากกว่าที่ผมลงทุน และหลายข้อเสนอที่ผมยื่นได้ถูกปฏิเสธ มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ขาย จะเชื่อว่าทรัพย์สินของตนมีมูลค่ามากกว่ามูลค่าในตลาด เขาไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างที่ต้องการซ่อมแซม หรือค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเท่าไหร่ ซึ่งพวกเขาไม่ค่อยเห็นปัญหาที่ทำให้อสังหาริมทรัพย์ของเขานั้นขายยากขึ้น และพบว่าในการสอบถามราคานั้นสามารถเป็นไปได้ทั้งสูงและต่ำกว่าของราคาที่มักจะถูกปฏิเสธ ซึ่งนี่เป็นความจริงของการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ผมได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ถูกกว่า 5% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ข้อเสนอที่ผมได้นั้นได้ผลดีกว่าการลงทุนในหุ้นที่ผมเคยทำไว้” อันเดรส กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม อันเดรส พิร่า เรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีพันล้านวัยเพียง 35 ปี นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของธุรกิจภายใต้ชื่อ Blue Horizon Thailand และมีธุรกิจอีก 19 บริษัท ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ ฟิตเนส สำนักงานกฎหมาย ปั๊มน้ำมัน ร้านกาแฟ และ อื่นๆ โดยมีพนักงานจากหลากหลายเชื้อชาติมากกว่า 150 คน เขาได้เปิดเผยถึงเรื่องราวชีวิตของเขา “จากชายไร้บ้านสู่มหาเศรษฐี” ที่มีทั้งเงินและความสุข พร้อมกับแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จผ่านหนังสือ “From Homeless to Billionaire – The 18 Secrets of Attracting Great Wealth and Becoming a Money Magnet” จะเริ่มวางจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาในปี 2019 จากนั้นจะจำหน่ายที่เมืองไทย โดยสามารถติดตามเรื่องราวของอันเดรสได้ที่ www.andrespira.com, และเฟซบุ๊กแฟนเพจ PiraAndres หรือยูทูป https://www.youtube.com/channel/UCkbee4TbiXDn8gizi2FXBDg
RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments