เริ่มแล้ว กับงาน “จรัสแสงแห่งศรัทธา” สวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย ถวายพระราชกุศล ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับศักราชใหม่ ๒๕๖๙ ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ภายใต้ Concept “รัตนศรัทธา แสงทอง แห่งปีใหม่” ระหว่างวันที่ ๓๐ ธ.ค. ๖๘ – ๔ ม.ค. ๖๙ ด้วยความร่วมมือระหว่าง รัฐบาล โดย กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ร่วมจัดงานในครั้งนี้

ด้านนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ประธานเปิดงาน “จรัสแสง แห่งศรัทธา” สวดมนต์ข้ามปี เสริมมงคลทั่วไทย ถวายพระราชกุศล ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับศักราชใหม่ ๒๕๖๙ กล่าวว่า “วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร และกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกันจัดกิจกรรมด้วยพลังแห่งความศรัทธาของพระพุทธศาสนาไทย ผ่านการสวดมนต์ข้ามปี ซึ่งเป็นการเริ่มต้นปีด้วยสิ่งดีงาม ช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วยวิถีพุทธ และยังเป็นการยึดเหนี่ยวจิตใจ สร้างสติ ตั้งใจประพฤติปฏิบัติในทางที่ดี นอกจากนี้ยังได้สืบสานพระพุทธศาสนา และวัฒนธรรมไทย เป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ถ่ายทอดคุณค่าทางศาสนาให้คนรุ่นต่อไป และเป็นโอกาสในการระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอพรเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต เป็นการเริ่มต้นปีใหม่อย่างมีคุณค่าและเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต”

พร้อมกันนี้ได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระพรหมสิทธิ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ร่วมประกอบพิธีเปิดงานในครั้งนี้อีกด้วย ภายในงานยังได้พบกับกิจกรรม Walk Rally ๙ มงคล ตามเส้นทางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง ๙ สะสมบุญบารมีก่อนร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปีต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๙ อย่างสว่างไสว พร้อมชื่นชมศิลปวัฒนธรรมไทย ขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่สง่างามที่สุดแห่งปี ตลอดจนการสาธิตเขียนหน้าหัวโขนไทย และช้อปของที่ระลึกแบบไทย อาทิ ปั้นของจิ๋ว, ลิ้มรสอาหารคาว – หวาน จากร้านชื่อดังกว่า 200 ร้านค้า เป็นต้น

นอกจากนี้ ท่านที่มาร่วมงานสามารถบรรจุแผ่นดวงบนภูเขาทอง “ดวงสูงตลอดปี ดวงดีตลอดไป” เขียนชื่อ – นามสกุล บนแผ่นดวงชะตาโภคทรัพย์ ผูกไว้เหนือหัว นำไปฝากไว้ที่สะดือเมืองบนบรมบรรพต ภูเขาทอง หลังจากนั้นทางวัดจะได้นำแผ่นดวงไปหล่อเป็นพระพุทธรูป ที่มีชื่อว่า “หลวงพ่อดวงดี”
และในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ วัดสระเกศฯ เปิดภูเขาทองให้นักท่องเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกดิน และชมความงามยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ถึง ๔ ทุ่ม (๒๒.๐๐ น.) ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๘ ถึง ๑๕ มกราคม ๒๕๖๙ ภูเขาทองได้รับการยกย่องจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมความงามของพระอาทิตย์ตกดิน และความงามยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร

๙ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญวัดสระเกศ ที่ต้องสักการะเมื่อมาไหว้บรมบรรพต ภูเขาทอง
เมื่อมาวัดสระเกศ ควรจะไหว้ที่ไหนบ้าง รวมประวัติ ๙ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญภายในวัดสระเกศ และคติการสักการะ
๑. ลานโพธิ์ลังกา / พระพุทธเจ้าน้อย / ต้นโพธิ์ลังกาพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์ / รูปเหมือนสมเด็จ พระพุฒาจารย์ (เกี่ยวอุปเสณมหาเถระ)
ลานโพธิ์ลังกา เป็นสถานที่รวม ๓ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญของพระอาราม ประกอบด้วย

๑.๑ ต้นโพธิ์ลังกาจากเมืองอนุราธบุรี ประเทศศรีลังกา เป็นพันธุ์พระศรีมหาโพธิ์ รุ่นที่ ๓ สายตรงจากต้นที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ มีอายุร่วม ๒๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ โปรดเกล้าฯ ให้ปลูกไว้ที่หน้าพระอุโบสถวัดสระเกศ ปรากฏอยู่จนทุกวันนี้
๑.๒ พระพุทธเจ้าน้อยซึ่งประดิษฐาน ณ ลานโพธิ์ลังกา เป็น ๑ ใน ๒ พระพุทธเจ้าปางประสูติที่หล่อขึ้นเพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งศรัทธาของชาวไทยทั่วประเทศ ที่ได้ร่วมกันบูรณะลุมพินีวัน สถานที่ประสูติของพุทธเจ้า
๑.๓ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระมหาเถระผู้เป็นประวัติศาสตร์ความทรงจำพระพุทธศาสนาโลก เป็นผู้ริเริ่มวางรากฐานแนวคิดนำพระพุทธศาสนาก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ และเป็นองค์ปฐมผู้ก่อตั้งสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เพื่อผู้วางรากฐานการสร้างวัดไทยในต่างประเทศ ทำให้วัดไทยเกิดขึ้นทุกมุมโลก ปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน
๒. พระประธานประจำพระอุโบสถวัดสระเกศ มีพระนามว่า “พระพุทธมงคลชินสีห์วชิรมุนี” รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพอกทับพระประธานองค์เดิม ซึ่งเป็นศิลาที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นสมส่วนกับพระอุโบสถที่ทรงสร้างขึ้นใหม่ในรัชสมัยของพระองค์

๓. พระอัฏฐารส / หลวงพ่อดุสิต
มีพระนามเต็มว่า พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ ศิลปะสกุลช่างสมัยสุโขทัยตอนต้น มีอายุร่วม ๗๐๐ ปี มีความสูงถึง ๕ วา ๑ ศอก ๑๐ นิ้ว (๒๑ ศอก ๑ นิ้ว) เดิมประดิษฐานอยู่วัดวิหารทอง เมืองพิษณุโลก วัดประจำพระราชวังจันทน์ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ต่อมา รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้า ฯ ให้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ ณ พระวิหาร วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร
หลวงพ่อดุสิต
เดิมเป็นพระประธานประจำพระอุโบสถวัดดุสิตมาก่อน เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงสร้างพระราชวังดุสิต ทรงขยายบริเวณเกินเนื้อที่วัดดุสิตจึงทรงสร้างวัดชดใช้ขึ้นวัดหนึ่ง คือ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และโปรดเกล้า ฯ ให้อัญเชิญพระประธานในพระอุโบสถวัดดุสิตไปประดิษฐานอยู่ในห้องด้านหลังพระวิหารพระอัฏฐารส เรียกกันว่า “หลวงพ่อดุสิต” ประดิษฐานอยู่ตลอดมาจนทุกวันนี้

๔. คัมภีร์โบราณ ๒,๐๐๐ ปี คือ พระไตรปิฎกที่จารึกลงบนใบลาน เปลือกไม้ หนังสัตว์ และแผ่นทองเหลือง ด้วยอักษร “พราหมีโบราณ” ถูกขุดค้นพบในถ้ำเทือกเขาบาบิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน บนเส้นทางสายไหม ซึ่งสมัยพุทธกาล เรียกว่า “แคว้นคันธาระ” อันเป็นแคว้นต้นกำเนิดพระพุทธรูปยุคแรกของโลก
๕. หลวงพ่อดำ
พระพุทธรูปหลวงพ่อดำ เป็นพระปูนปั้นปิดทอง ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๔ ศอก ฝีมือช่างปั้นยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นพระพุทธรูปที่สร้างคู่กับพระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) มาแต่ต้น เล่ากันว่าสร้างไว้เพื่อให้เจ้านายและพุทธบริษัททั่วไปที่ไม่สามารถขึ้นไปสักการะด้านบนองค์พระบรมบรรพตได้บูชาที่พระพุทธรูปองค์นี้แทน ส่วนที่เรียกว่า “หลวงพ่อดำ” เพราะแต่เดิมลงรักสีดำไว้แล้วไม่ได้ปิดทอง จึงกลายเป็นพระพุทธรูปสีดำ แต่ภายหลังได้มีการบูรณะปิดทององค์หลวงพ่อและสร้างวิหารใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับที่เป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญของวัด จนมีความสวยงามดังที่เห็นในปัจจุบัน
๖. หลวงพ่อดวงดี มีพระนามเต็มว่า “พระพุทธมงคลบรมบรรพต” เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หรือปางตรัสรู้ มีพุทธลักษณะพุทธศิลป์แห่งพุทธศตวรรษที่ ๒๖ มีความงดงาม โดดเด่น ด้วยศิลปะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ หล่อขึ้นจากแผ่นดวงมหาโภคทรัพย์ที่บรรจุอยู่บนยอดพระบรมบรรพต ภูเขาทอง ประดับด้วยจิตรกรรมฝาผนังแสนโกฏิจักรวาล แสดงความเชื่อทางพระพุทธศาสนาว่าจักรวาลมีนับแสนโกฏิแผ่ ออกไปในอนันตจักรวาล ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นจิตรกรรมที่ถ่ายทอดแนวคิดด้านวิทยาศาสตร์ จักรวาลวิทยา และพระพุทธศาสนาได้อย่างเป็นรูปธรรมเพียงแห่งเดียวของประเทศ

๗. หลวงพ่อโชคดี มีพระนามเต็มว่า “พระพุทธมงคลสุวรรณบรรพต” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หรือปางชนะมาร พุทธศิลป์มีความโดดเด่นด้วยพระเกศมีลักษณะเปลวเพลิง หล่อด้วยเงิน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีความงดงามด้วยศิลปะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ด้านหลังพระประธาน มีจิตรกรรมฝาผนังต้นดอกมณฑาทิพย์ ประตููมณฑาทิพย์โปรยฟ้า ประตูพฤกษาภิรมย์ และพญานาค ๔ ตระกูล
๘. หลวงพ่อโต เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นประดิษฐานไว้ริมคลองมหานาค เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้ในเทศกาลทางน้ำของชาวพระนคร เช่น ลอยกระทง สงกรานต์ ต่อมา ได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่เชิงพระบรมบรรพต ภูเขาทอง จนถึงปัจจุบัน
๙. พระบรมสารีริกธาตุ
เป็นส่วนที่ขุดพบในพระสถูปใกล้ตำบลปิปราหวะ ตั้งอยู่ปลายชายแดนเนปาล คือ เมืองกบิลพัสดุ์โบราณ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๔๑ มีอักษรจารึกอย่างเก่าแก่ที่สุดในอินเดีย ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ที่กษัตริย์ศากยราช ในกรุงกบิลพัสดุ์ได้รับแบ่งปันในเวลาที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้รับมาจากรัฐบาลอินเดีย และโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุในพระเจดีย์บนยอดพระบรมบรรพต ปรากฏอยู่ถึงปัจจุบัน

ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
วัดสระเกศเปิดภูเขาทองถึง ๔ ทุ่ม (๒๒.๐๐ น.) ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๘ ถึง ๑๕ มกราคม ๒๕๖๙ ให้นักท่องเที่ยวชมพระอาทิตย์ตกดิน และชมความงามยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร
ภูเขาทองได้รับการยกย่องจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมความงามของพระอาทิตย์ตกดิน และความงามยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร
ดังนั้น ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๙ วัดสระเกศ เปิดภูเขาทองเพื่อให้นักท่องเที่ยวชมความงามพระอาทิตย์ตกดิน และชมความงามของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืน จนถึงเวลา ๒๒.๐๐ น. ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๘ ถึง ๑๕ มกราคม ๒๕๖๙
