
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) โชว์ผลสำเร็จการพัฒนาบุคลากรอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย จำนวน 101 ราย หนุนให้ทักษะ เสริมความรู้ครบวงจร จัดทำโมเดลธุรกิจต่อยอดสู่ธุรกิจจริง ดึงอัตลักษณ์ไทยสร้างคุณค่าให้มีเอกลักษณ์ร่วมสมัยและโดดเด่น พร้อมเชื่อมโยงตลาดสร้างโอกาสโตไกลและขับเคลื่อนแฟชั่นไทยสู่ศูนย์กลางแฟชั่นของภูมิภาค คาดสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจรวมไม่น้อยกว่า 46 ล้านบาท
นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า การผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านพร้อมยกระดับศักยภาพบุคลากรและแบรนด์แฟชั่นไทยให้มีทักษะและองค์ความรู้ รวมถึงสามารถดึงอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทยผสานเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เป็นจุดขายในการยกระดับสินค้าทั้งด้านมาตรฐาน ดีไซน์ทันสมัย โดดเด่น แตกต่าง และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก อันจะเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ และขยายตลาดสู่สากล ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ด้วยกลยุทธ์ให้ทักษะใหม่ ที่จำเป็นต่อการทำงานในอุตสาหกรรมแฟชั่นสาขาเสื้อผ้าและเครื่องนุ่มห่มไทยผ่าน “กิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า และเครื่องแต่งกายไทย” ภายใต้โครงการพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่น (Fashion Alliance) โดยการพัฒนาบุคลากรและต่อยอดองค์ความรู้ด้วยการให้ทักษะที่จำเป็นในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงความรู้ที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ เน้นการสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับเสื้อผ้า ตลอดจนการสร้างโอกาสและขยายช่องทางการตลาดไปสู่ตลาดต่างประเทศ อันจะเป็นการผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าแฟชั่นในตลาดสากลได้
สำหรับกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทยนี้ ได้มุ่งพัฒนาศักยภาพ นักออกแบบและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยอย่างรอบด้านในสาขาเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า จำนวน 101 รายไม่ว่าจะเป็นการออกแบบการตลาด การพัฒนาธุรกิจ และสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านกิจกรรมอบรมถ่ายทอดความรู้ การเขียนแผนธุรกิจ เวิร์กชอป การบ่มเพาะเชิงลึก และศึกษาดูงานต้นแบบ ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้สามารถจัดทำแผนโมเดลธุรกิจและนำไปต่อยอดได้จริง และคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจรวมไม่น้อยกว่า 46 ล้านบาท
นายดุสิต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดประกวดการเขียนแผนธุรกิจโดยผู้ชนะ จะได้รับมอบโล่และประกาศนียบัตร พร้อมได้รับสิทธิ์ในการออกบูธเพื่อทดสอบตลาดทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย 5 ราย ดังนี้ รางวัลที่ 1 คุณอภิญญา บุญหล้า รางวัลที่ 2 คุณกมลมณี เจริญยุทธ รางวัลที่ 3 คุณวชิราภรณ์ เหล่าฤกษ์อุทัย รางวัลชมเชย คุณชาญบุญ เอี่ยมหนู และรางวัลชมเชย คุณอารยา ศานติสรร
โดยรางวัลที่ 1 และ 2 ได้รับสิทธิ์ทดสอบตลาดต่างประเทศในงาน CENTRESTAGE 2025 เมื่อวันที่ 3 – 6 กันยายน 2568 ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และรับสิทธิ์ทดสอบตลาดภายในประเทศ ในงานแสดงสินค้า Mega Shows Bangkok 2025 เมื่อวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์ทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา นอกจากนั้นรางวัลที่ 3 และรางวัลชมเชย ได้รับสิทธิ์ทดสอบตลาดภายในประเทศในงาน Mega Show Bangkok 2025 เมื่อวันที่ 16 – 18 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
“ดีพร้อม มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรแฟชั่นไทยให้ก้าวสู่เวทีโลกผ่านการให้ทักษะใหม่ที่จำเป็นสำหรับยุคดิจิทัลและให้โอกาสโตไกลสู่สากลผ่านการทดสอบตลาดในต่างประเทศ พร้อมทั้งสร้างโอกาสในการแข่งขันทางด้านการตลาดและสร้างเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นด้วยอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีเอกลักษณ์ และมูลค่าสูง ตลอดจนผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของภูมิภาค อันจะเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟชั่นไทยในเวทีระดับสากลอย่างยั่งยืน” นายดุสิต กล่าวทิ้งท้าย