สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการสัมมนาด้านกิจกรรมทางกายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2025 (South-East Asia Physical Activity Conference 2025 – SEAPAC 2025) ระหว่างวันที่ 5-7 พ.ย. 2568 โดยมีบุคลากรด้านกิจกรรมทางกายที่สำคัญทั้งระดับโลก เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมกว่า 800 คนจาก 14 ประเทศ
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. มุ่งลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) โดยเฉพาะการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดีตลอดช่วงชีวิต จากรายงานสถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายของประชากรไทย ในรอบ 12 ปี (ปี 2555-2566) พบคนไทยมีระดับการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอต่ำกว่า 70% คือก้าวแรกของแผนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ “Physical Activity Hub” เพื่อเป็นกลไกกลางในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางกายระดับภูมิภาค โดยมีเป้าหมายสำคัญ 1. ระดับบุคคล ควรเพิ่มการมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลาง 150–300 นาทีต่อสัปดาห์ หรือระดับหนักอย่างน้อย 85 นาทีต่อสัปดาห์ 2. ระดับประเทศ ควรยกระดับอัตราการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอจาก 68% เพิ่มเป็น 75% 3. ระดับภูมิภาคและโลก ควรลดช่องว่างของความเหลื่อมล้ำ ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทุน และนโยบายสนับสนุน

“ไทยมีความพร้อมในการเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนทั้งด้านวิชาการ งานวิจัย เชื่อมต่อข้อมูล และผลักดันให้กิจกรรมทางกายของประชากรในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งการยกระดับกิจกรรมทางกายถูกหยิบยกมาหารือในเวที SEAPAC 2025 แต่ละประเทศได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการและผลการวิจัย นวัตกรรมใหม่ การออกแบบโมเดลที่มีความหลากหลายของการมีกิจกรรมทางกาย ที่นำไปสู่การพัฒนานโยบายและแนวทางปฏิบัติที่ส่งเสริมให้ประชาชนในภูมิภาคสามารถเข้าถึงและมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาว โดยคาดว่าในระยะ 10-20 ปี โรค NCDs จะลดลง สุขภาพประชาชนโดยรวมจะดีขึ้น ประชากรมีอายุยืนขึ้น สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

ด้าน Dr. Ailan Li ผู้แทนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า การมีกิจกรรมทางกายช่วยป้องกันโรค NCDs ช่วยเรื่องสุขภาพจิต สุขภาวะและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และยังช่วยให้คนในสังคมได้มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน องค์การอนามัยโลกพบว่าปัจจุบัน ประชากรวัยผู้ใหญ่ 2 ใน 3 ของประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ค่อยขยับตัว เด็กและเยาวชนมีภาวะเนือยนิ่ง ซึ่งเป็นความท้าทายที่แต่ละหน่วยงานต้องร่วมมือกัน ดังนั้นการมีกิจกรรมทางกายไม่ใช่เป็นเพียงแค่การส่งเสริมการออกกำลังกาย แต่ต้องเป็นการผนวกการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นนิสัย
“ในส่วนของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ WHO ส่งเสริมให้รัฐบาลของแต่ละประเทศวางเป้าหมายการส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่สอดคล้องกับสภาพสังคม และสนับสนุนให้ผู้นำในแต่ละเมืองมีการออกแบบเมืองสีเขียวเป็นเมืองสุขภาพดี ดังนั้นรัฐบาลต้องกำหนดเป้าหมาย สร้างสังคมให้มีการเคลื่อนไหว ส่งเสริมให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น” ผู้แทนจากองค์การอนามัยโลก กล่าว

Prof. Dr. Mark Tremblay จาก Active Healthy Kids Global Alliance เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชากรโลกมีกิจกรรมทางกายลดลงโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เป็นกลุ่มวัยมีการเคลื่อนไหวน้อยลงอย่างชัดเจน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขับเคลื่อนการทำงานด้านกิจกรรรมทางกาย โดยใช้วิธีเรียนรู้กรณีศึกษาจากแต่ละประเทศที่ทำได้ดีและประสบความสำเร็จ เช่น ประเทศเดนมาร์ค มีค่าเฉลี่ยของเด็กและเยาวชนที่มีความ Active มากกว่าประเทศไทย นอกจากนี้ การทำงานด้านกิจกรรมทางกายมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางด้านวัฒนธรรมด้วย ดังนั้น เราควรผลักดันให้กิจกรรมทางกายกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของสังคม
“สำหรับประเทศไทยข้อมูลจาก Global Matrix 4.0 ว่าด้วยเรื่องกิจกรรมทางกาย ประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่ต้องพัฒนา ดังนั้นกิจกรรมทางกายควรจะเป็นวาระสำคัญเช่นเดียวกับปัญหาภาวะโลกร้อน ต้องทำให้สังคมตระหนักว่ากิจกรรมทางกายเป็นเรื่องของทุกคน” Prof. Dr. Mark กล่าวทิ้งท้าย
ศ.ดร. ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ทีแพค ทำงานร่วมกับ สสส. โดยให้ความสำคัญกับเรื่อง Active Living for All ตามนโยบายของ WHO เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงกิจกรรมทางกายโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผ่านการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อให้ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง เข้าถึงการมีกิจกรรมทางกายอย่างเท่าเทียม โดยใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยให้คนกลุ่มดังกล่าวเข้าถึงกิจกรรมทางกาย และการสร้างชุดเครื่องมือส่งเสริมกิจกรรมทางกายให้กับโรงเรียนต่าง ๆ นำไปใช้

การจัดสัมมนาในครั้งนี้ ได้มีการมอบรางวัล SEAPAC Award 2025 เพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่ผู้ที่ทำงานด้านกิจกรรมทางกาย ได้แก่ Prof Dr. Fiona Bull จาก World health organization และ Prof. Dr. Mark Tremblay จาก Active Healthy Kids Global Alliance
SEAPAC 2025 ถือเป็นก้าวสำคัญของการรวมพลังในภูมิภาคเพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ต่อยอดสู่การพัฒนา Roadmap ด้านกิจกรรมทางกายในระดับภูมิภาค